Substance
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับศิลปะสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ
- พัฒนาการทางศิลปะของ โลเวนเฟลด์ (Lowenfeld
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์
- ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด (Guilford)
- ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์ (Torrance)
-
ทฤษฎีความรู้สองลักษณะ (สมอง สองซีก)
- ทฤษฎีพหุปัญญาของการ์ดเนอร์ (Gardner)
-
ทฤษฎีโอตา (Auta)
ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด
• นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน
• ศึกษาเกี่ยวกับการวิเคราะห์
ตัวประกอบของสติปัญญา
-
เน้นเรื่องความคิดสร้างสรรค์
- ความมีเหตุผล
- การแก้ปัญหา
ความสามารถของสมอง
กิลฟอร์ด อธิบายความสามารถของสมองออกเป็น 3 มิติ
มิติที่ 1 เนื้อหา
• มิติเกี่ยวกับ ข้อมูล หรือ
สิ่งเร้าที่เป็นสื่อในการคิด
• สมอง รับข้อมูลเข้าไปคิด พิจารณา 4 ลักษณะ
- ภาพ
- สัญลักษณ์
- ภาษา
- พฤติกรรม
มิติที่
2
วิธีการคิด
• มิติที่แสดงลักษณะการทำงานของสมองใน 5 ลักษณะ
-
การรู้จัก การเข้าใจ
- การจำ
- การคิดแบบอเนกนัย (คิดได้หลายรูปแบบ หลากหลาย)
- การคิดแบบเอกนัย (ตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุด)
- การประเมินค่า
มิติที่
3
ผลของการคิด
• มิติที่แสดงถึงผลที่ได้จากการทำงานของสมอง จากมิติที่ 1
+
มิติที่ 2
• มี 6 ลักษณะ
- หน่วย
- จำพวก
- ความสัมพันธ์
- ระบบ
- การแปลงรูป
- การประยุกต์
ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด
• สรุป.....
-
เป็นทฤษฎีเกี่ยวกับโครงสร้างทางสติปัญญา
-
ทำให้ทราบความสามารถของสมองที่แตกต่างกันถึง 120 ความสามารถ
ตามแบบจำลองโครงสร้างทางสติปัญญาในลักษณะ
3
มิติ คือ มีเนื้อหา 4 มิติ
วิธีการคิด 5 มิติ และผลทางการคิด 6 มิติ
...รวมความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์ด้วย คือ วิธีการคิดอเนกนัย เป็นการคิดหลายทิศทาง หลายแง่หลายมุม คิดได้กว้างไกล
ซึ่งลักษณะความคิดนี้จะนำไปสู่การประดิษฐ์คิดค้นสิ่งแปลกใหม่
ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์(Torrance)
• นักจิตวิทยาและนักการศึกษาผู้มีชื่อเสียง ชาวอเมริกัน
• เสนอแนวคิดเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ว่า
ประกอบด้วย
- ความคล่องแคล่วในการคิด
- ความยืดหยุ่นในการคิด
- ความคิดริเริ่มในการคิด
• แบ่งลำดับขั้นการคิดสร้างสรรค์
เป็น 5
ขั้น
- ขั้นที่1 การค้นพบความจริง
•เป็นขั้นเริ่มต้น ค้นหาสาเหตุ
•ในการทำงานเริ่มแรก ต้องมีการคิดค้น หรือหาข้อมูลต่างๆ
จะเกิดความรู้สึกกังวล สับสน วุ่นวาย แล้วค่อยๆปรับตัว พยายามคิดหาสาเหตุ
ว่าสิ่งที่ทำให้กังวลใจนั้น คืออะไร
-ขั้นที่2 การค้นพบปัญหา
•เป็นขั้นที่สามารถคิดได้
และ
•เกิดความเข้าใจแล้วว่า
ปัญหาคืออะไร
- ขั้นที่3 การตั้งสมมุติฐาน
•เมื่อรู้ปัญหาว่าคืออะไรจากขั้นที่
1
และ
ขั้นที่ 2 แล้วก็พยายามคิดแก้ปัญหา
•หาทางออกโดยการตั้งสมมุติฐาน
- ขั้นที่4 การค้นพบคำตอบ
-เป็นการค้นพบคำตอบจากการตั้งสมมุติฐาน ด้วยวิธีการต่างๆอย่างหลากหลาย
-เป็นการค้นพบคำตอบจากการตั้งสมมุติฐาน ด้วยวิธีการต่างๆอย่างหลากหลาย
- ขั้นที่5 ยอมรับผลจากการค้นพบ
-ค้นพบว่าสมมุติฐานที่ทดสอบไปในขั้นที่ 4 นั้นได้ผลเป็นอย่างไร
-สรุปว่าสมมุติฐานใดคือการแก้ปัญหา หรือทางออกที่ดีที่สุด
-ค้นพบว่าสมมุติฐานที่ทดสอบไปในขั้นที่ 4 นั้นได้ผลเป็นอย่างไร
-สรุปว่าสมมุติฐานใดคือการแก้ปัญหา หรือทางออกที่ดีที่สุด
• สรุป.....ทอร์แรนซ์
กล่าวว่า ความคิดสร้างสรรค์เป็นกระบวนการของความรู้สึกไวต่อปัญหา หรือสิ่งที่ขาดหายไป แล้วเกิดความพยายามในการสร้างแนวคิด ตั้งสมมุติฐาน
ทดสอบสมมุติฐาน
และเผยแพร่ผลที่ได้ให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจ
ทำให้เกิดแนวทางในในการค้นคว้าสิ่งแปลกๆใหม่ๆต่อไป
• ขั้นความคิดสร้างสรรค์นี้
มีลักษณะคล้ายคลึงกับขั้นการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ทอร์แรนซ์จึงเรียกขั้นการคิดสร้างสรรค์นี้ว่า
กระบวนการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
ทฤษฎีความคิดสองลักษณะ
• เป็นทฤษฎีที่กำลังได้รับความสนใจ
เพราะเป็นการค้นพบความรู้เกี่ยวกับการทำงานของสมองมนุษย์
• การทำงานของสมองสองซีก
ทำงานแตกต่างกัน
สมองซีกซ้าย ทำงานส่วนของการคิดที่เป็นเหตุผล
สมองซีกขวา ทำงานส่วนจินตนาการ
และความคิดสร้างสรรค์
• แพทย์หญิงกมลพรรณ ชีวพันธุศรี
กล่าวว่า คนเรามีสมอง 2
ซีก
• คือ...สมองซีกขวา
ซึ่งเป็นส่วนของจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ สามารถพัฒนาได้มากในช่วงวัย 4-7
ปี
• ส่วนสมองซีกซ้ายที่เป็นส่วนของการคิดที่เป็นเหตุผล
จะพัฒนาในช่วง 9-12 ปี
และสมองจะเจริญเติบโตเต็มที่เมื่อเด็กอายุ
11-13 ปี
• ปัจจุบัน
คนส่วนใหญ่มักได้รับการพัฒนาเพียงสมองซีกใดซีกหนึ่ง เป็นพิเศษ
ไม่ให้ความสนใจการทำงานของสมองอีกซีกหนึ่งเท่าที่ควร
....ระบบการศึกษาส่วนใหญ่ มุ่งการพัฒนาสมองซีกซ้าย ด้วยการให้เด็กท่องจำ
คำนวณ คิดเลข สรรหาถ้อยคำ
วิเคราะห์ข้อมูล และอยู่ในระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ ขาดการสนับสนุนให้สมองซีกขวาพัฒนาควบคู่กันไป
การคิดจินตนาการ การคิดแปลกใหม่ ความเป็นศิลปิน จึงไม่ค่อยมีโอกาสพัฒนา
ทฤษฎีพหุปัญญาของการ์ดเนอร์(Gardner)
•ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาการศึกษา ชาวอเมริกัน แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
•ผู้คิดค้นทฤษฎีพหุปัญญา
( ศักยภาพและความสามารถที่หลากหลายของมนุษย์ )
ทฤษฎีพหุปัญญา
จำแนกความสามารถหรือสติปัญญาของคนเอาไว้ 9 ด้าน ได้แก่
- ความสามารถด้านภาษา
- ความสามารถด้านตรรกวิทยาและคณิตศาสตร์
- ความสามารถด้านตรรกวิทยาและคณิตศาสตร์
- ความสามารถด้านดนตรี
- ความสามารถด้านมิติสัมพันธ์
- ความสามารถด้านมิติสัมพันธ์
- ความสามารถด้านกีฬาและการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย
- ความสามารถด้านมนุษยสัมพันธ์
- ความสามารถด้านจิตวิเคราะห์
- ความสามารถด้านจิตวิเคราะห์
- ความสามารถด้านธรรมชาติศึกษา
- ความสามารถในการคิดพลิกแพลงแตกต่างในการแก้ปัญหา
1. ความสามารถด้านภาษา
เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
-
เรียนรู้และเข้าใจคำพูดต่างๆได้เร็วเกินวัย
- เลือกใช้คำได้หลากหลาย มีประสิทธิภาพ ทั้งด้านการพูดจูงใจ
การโน้มน้าว การอธิบาย
การเล่านิทาน การโต้เถียง การใช้เหตุผล
ตลอดจนการเขียนข้อความบรรยาย
เขียนสรุปจะทำได้ดีมาก
เด็กจะมีลักษณะนิสัยชอบคิดชอบเขียน ความจำดี
2. ความสามารถด้านตรรกวิทยาและคณิตศาสตร์
เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
-
มีความถนัดเรื่องคณิตศาสตร์
เข้าใจเรื่องตัวเลขได้เร็ว
-
ใช้เงินเป็นและเร็วกว่าเด็กวัยเดียวกัน
-
มีความสามารถในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับตัวเลข การคำนวณ การคิดวิเคราะห์ การทดลอง
การสำรวจ การเรียงลำดับเหตุการณ์ การใช้เหตุผล
3. ความสามารถด้านดนตรี
เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
- ถนัดและเก่งดนตรี
- ชอบฟังเพลง ร้องเพลง และจำเนื้อเพลงได้เร็ว
- ตอบสนองกับจังหวะดนตรีได้ดี
เต้นตามจังหวะดนตรีได้
-
สนใจและสนุกกับการเล่นเครื่องเล่นดนตรีเป็นพิเศษ
เด็กจะมีลักษณะนิสัยอารมณ์ดี
ชอบร้องชอบเต้น
4. ความสามารถด้านมิติสัมพันธ์
เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
- มีความสามารถในการเห็นภาพรวม
- สามารถใช้พื้นที่ในการวาดภาพได้ดี
ขนาดและสัดส่วนเหมาะสม
- เข้าใจวิธีการลอกลาย
- เขียนแผนที่ได้ดี
เข้าใจเรื่องทิศทาง เส้นทาง
- มองเห็นโลกในมุมที่ถูกต้อง
ตามความเป็นจริง
5. ความสามารถด้านกีฬา
และการควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกาย
เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
- มีพฤติกรรมไม่อยู่นิ่ง ชอบการวิ่งเล่น ออกกำลังกาย เต้นรำ
-
มีความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อได้ดี...ทั้งการเดิน ยืน นั่ง
วิ่ง กระโดด มีทักษะการทรงตัวที่ดี
เด็กจะมีลักษณะนิสัยชอบแสดงออก
มีความสุขกับการได้ใช้กำลังกาย
6. ความสามารถด้านมนุษยสัมพันธ์
เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
- ชอบบริการผู้อื่น ช่างเอาอกเอาใจ
- ชอบช่วยเหลือเพื่อน
- พูดจาไพเราะ มารยาทอ่อนหวาน น่ารัก
- ปับตัวเข้ากับทุกคนได้ดี
กล้าพูดกล้าแสดงออก
ชอบพบปะผู้คนหลากหลาย ชอบเข้าสังคม
ไม่กลัวคนแปลกหน้า
- ชอบสังเกต มองเห็นความแตกต่างระหว่างบุคคล
7. ความสามารถด้านจิตวิเคราะห์
เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
- ชอบเรียนรู้ ค้นคว้า วิจัย
- สามารถเขียนบันทึกประจำวันได้ดี
- สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง
มีความมุ่งมั่นพยายามในการหาคำตอบ
- เข้าใจความรู้สึกของตนเอง
อารมณ์มั่นคง
8. ความสามารถด้านธรรมชาติศึกษา
เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
- ชอบเรียนรู้ธรรมชาติ /
สิ่งแวดล้อมรอบๆตัว
- ชอบทัศนศึกษา ออกสำรวจโลกภายนอก
-
จิตใจดี รักสัตว์ รักต้นไม้
ชอบปลูกผัก เลี้ยงสัตว์
- ชอบสังเกตความแตกต่าง
เปรียบเทียบสิ่งที่อยู่รอบตัว
9. ความสามารถในด้านการคิดพลิกแพลงแตกต่าง
ในการแก้ปัญหา
เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
-
คิดไว มีความสามารถในการคิดแก้ปัญหาต่างๆได้ดี
- รู้จักเลือก
หรือหาวิธีในการแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม
-
เป็นเด็กช่างคิด สามารถคิดค้นประดิษฐ์สิ่งแปลกใหม่อยู่เสมอ
-
ไม่หยุดนิ่งทางความคิด ชอบเทคโนโลยี
ลักษณะสำคัญของทฤษฎีพหุปัญญา
• ปัญญา
มีลักษณะเฉพาะด้าน
• ทุกคนมีปัญญาแต่ละด้าน
ทั้ง 9
ด้านมากน้อยแตกต่างกัน
• ทุกคนสามารถพัฒนาปัญญาแต่ละด้านให้สูงขึ้นได้
• ปัญญาต่างๆสามารถทำงานร่วมกันได้
• ในปัญญาแต่ละด้าน
ก็มีความสามรถหลายอย่าง
ทฤษฎีโอตา (AUTA)
เดวิส (Davis)
และซัลลิแวน
(Sullivan)ความคิดสร้างสรรค์นั้นมีอยู่ในมนุษย์ทุกคน และสามารถพัฒนาให้สูงขึ้นได้
การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ตามรูปแบบโอตา มีลำดับการพัฒนา 4 ขั้นตอน ได้แก่
การตระหนัก ความเข้าใจ เทคนิควิธี และการตระหนักในความจริงของสิ่งต่างๆ
ขั้นตอนที่ 1 การตระหนัก
ต้องตระหนักถึงความสำคัญของความคิดสร้างสรรค์ที่มีต่อตนเอง
ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เช่น
-
การพัฒนาปรีชาญาณ
-
การรู้จักและเข้าใจตนเอง
-
การมีสุขภาพจิตที่สมบูรณ์
- การมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ขั้นตอนที่ 2 ความเข้าใจ
มีความรู้
ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องต่างๆ.......
-
ความรู้และเนื้อหาเรื่องบุคลิกภาพของบุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์
- ลักษณะกระบวนการความคิดสร้างสรรค์
-ทฤษฏีความคิดสร้างสรรค์
- เทคนิค วิธีการฝึกความคิดสร้างสรรค์
ขั้นตอนที่ 3 เทคนิควิธี
การรู้เทคนิควิธีในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ทั้งที่เป็นเทคนิคส่วนบุคคลและเทคนิคที่เป็นมาตรฐาน.......
-
เทคนิควิธีการในการฝึกความคิดสร้างสรรค์
- การระดมสมอง
- การคิดเชิงเปรียบเทียบ
- การฝึกจินตนาการ
ขั้นตอนที่ 4 การตระหนักในความจริงของสิ่งต่างๆ
การรู้จักตระหนักในตนเอง พอใจในตนเอง สามารถดึงศักยภาพมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง.......
การรู้จักตระหนักในตนเอง พอใจในตนเอง สามารถดึงศักยภาพมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง.......
- เปิดกว้างรับประสบการณ์ต่างๆ
โดยปรับตัวอย่างเหมาะสม
-
มีความคิดริเริ่มและผลิตผลงานด้วยตนเอง
-
สามารถปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงแนวทางในการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม
พัฒนาการทางศิลปะ
วงจรของการขีดๆเขียนๆ
•เคลล็อก (Kellogg) ศึกษางานขีดๆเขียนๆของเด็กปฐมวัย
และจำแนกขั้นตอนออกเป็น 4 ขั้นตอน
ทำให้เข้าใจถึงความสำคัญของงานขีดๆเขียนๆทางศิลปะที่มีผลเชื่อมโยงกับพัฒนาการของเด็ก
4 ขั้นตอน
มีดังนี้ ขั้นขีดเขี่ย ขั้นเขียนเป็นรูปร่าง ขั้นรู้จักออกแบบ และขั้นการวาดแสดงเป็นภาพ
ขั้นที่
1
ขั้นขีดเขี่ย
(placement stage)
•เด็กวัย
2
ขวบ
•ขีดๆเขียนๆตามธรรมชาติ
•ขีดเขี่ยเป็นเส้นตรงบ้าง
โค้งบ้าง
•ขีดโดยปราศจากการควบคุม
ขั้นที่ 2
ขั้นเขียนเป็นรูปร่าง
(shape stage)
•เด็กวัย 3
ขวบ
•การขีดๆเขียนๆเริ่มเป็นรูปร่างขึ้น
•เขียนวงกลมได้
•ควบคุมมือกับตาให้สัมพันธ์กันมากขึ้น
ขั้นที่ 3
ขั้นรู้จักออกแบบ
(design
stage)
•เด็กวัย
4
ขวบ
•ขีดๆเขียนๆที่เป็นรูปร่างเข้าด้วยกัน
•วาดโครงสร้างหรือเค้าโครงได้
•วาดสี่เหลี่ยมได้
ขั้นที่ 4
ขั้นการวาดแสดงเป็นภาพ
(pictorial
stage)
•เด็กวัย 5
ขวบขึ้นไป
•เริ่มแยกแยะวัตถุที่เหมือนกับมาตรฐานของผู้ใหญ่ได้
•รับรู้ความเป็นจริง
เขียนภาพแสดงถึงภาพคน/ สัตว์ได้
•ควบคุมการขีดเขียนได้ดี
•วาดสามเหลี่ยมได้
พัฒนาการด้านร่างกาย
•กีเซลล์และคอร์บิน
สรุปพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวของเด็กปฐมวัย
ตามลักษณะพฤติกรรมทางการใช้กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก ดังนี้
•ด้านการตัด
- อายุ 3-4 ปี
ตัดกระดาษเป็นชิ้นส่วนได้
- อายุ
4-5 ปี ตัดกระดาษเป็นเส้นตรงได้
- อายุ
5-6
ปี ตัดกระดาษตามเส้นโค้งหรือรูปร่างต่างๆได้
•การขีดเขียน
- อายุ
3-4 ปี เขียนรูปวงกลมตามแบบได้
- อายุ 4-5 ปี เขียนรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสตามแบบได้
- อายุ 5-6 ปี เขียนรูปสามเหลี่ยมตามแบบได้
•การพับ
- อายุ
3-4 ปี
พับและรีดสันกระดาษสองทบตามแบบได้
- อายุ 4-5 ปี พับและรีดสันกระดาษสามทบตามแบบได้
- อายุ 5-6 ปี พับและรีดสันกระดาษได้คล่องแคล่ว หลายแบบ
•การวาด
- อายุ
3-4 ปี
วาดภาพคนมีศีรษะ ตา ขา ปาก
- อายุ
4-5 ปี วาดภาพคนมีศีรษะ ตา ปาก จมูก ปาก ลำตัว เท้า
- อายุ 5-6 ปี วาดภาพคนมีศีรษะ ตา ปาก ลำตัว เท้า จมูก
แขน มือ คอ ผม
อาจารย์ให้ทำงานศิลปะ
วาดภาพต่อเติมจากเส้นที่กำหนดให้ คือวงกลม
มือน้อยสร้างสรรค์
ความรู้ที่ได้รับ
- ได้รู้จักความหมายของศิลปะมากขึ้นและได้ทำผลงามศิปะของตัวเองจากมือและต่อเติมภาพจากวงกลมเป็นภาพต่างๆ
ประเมินเพื่อนร่วมห้อง
- เพื่อนให้ความร่วมมือดี
ประเมินอาจารย์ผู้สอน
- อาจารย์มีน้ำเสียงที่น่าฟังเหมาะสมกับการเรียนรู้
- อาจารย์มีความสุขไปกับนักศึกษา